ชื่ออื่นๆ ของหญ้ามาเลเซียได้แก่ หญ้าแพรกญี่ปุ่น หญ้ามาเล หญ้าถั่วน้อย หญ้าปล้องตีนเป็ด หญ้าคาบาน่า

หญ้ามาเลเซีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Brachiaria decumbens) เป็นพันธุ์หญ้าเขตร้อนที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกา รายงานผลการวิจัย ได้ระบุว่า หญ้ากลุ่มนี้มีประโยชน์หลายประการ

ประโยชน์ของหญ้ามาเลเซียมีดังนี้

● เป็นแหล่งอาหารสัตว์คุณภาพดี หญ้าชนิดนี้มีคุณค่าทางอาหารค่อนข้างสูงจากโปรตีนและน้ำตาลที่หญ้าผลิตเองจากการสังเคราะห์แสง และมีปริมาณเยื่อใยค่อนข้างต่ำ จึงเป็นหญ้าที่เหมาะที่จะนำไปใช้เป็นอาหารของสัตว์ต่างๆ ได้ทั้งวัว ควาย แพะ แกะ หรือแม้กระทั่งสัตว์ปีก

● เป็นพืชคลุมดินที่ช่วยป้องกันการพังทลายของหน้าดิน หญ้าชนิดนี้มีระบบรากที่แข็งแรงแผ่ขยายไปได้ไกล จึงช่วยยึดดินได้ดีและช่วยป้องกันการกัดเซาะของน้ำและลมได้

● เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงต่างๆ แมลงต่างๆ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ จะใช้เกสรจากดอกหญ้ามาเลเซียเป็นอาหาร จึงเป็นการช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพได้

การปลูกหญ้ามาเลเซีย

การปลูกหญ้ามาเลเซียทำได้โดยการใช้เมล็ดพันธุ์หญ้ามาเลเซียหว่านลงไปในแปลงเพาะปลูก เตรียมแปลงปลูกโดยการไถพรวนดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน จากนั้นหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไป แล้วกดทับเบาๆ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์แนบสนิทกับดิน รดน้ำให้ชุ่ม อย่าให้แฉะหรือแห้งจนเกินไป หลังจากนั้น 3-5 วันหญ้าก็จะเริ่มงอก หลังจากที่ต้นหญ้าเริ่มแตกกอและแข็งแรงแล้ว ให้รดน้ำให้ชุ่มทุกวันควบคู่ไปกับการใส่ปุ๋ยโดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อช่วยบำรุงให้หญ้าเจริญเติบโตได้ดี

โรคและแมลงศัตรู

โรคที่พบบ่อยในหญ้ามาเลเซีย ได้แก่ โรคราสนิมใบ โรคราแป้ง โรครากเน่า และโรคใบจุด ส่วนแมลงศัตรูที่สำคัญได้แก่ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้ข้าวโพด เพลี้ยอ่อน และแมลงปีกแข็ง ซึ่งเกษตรกรสามารถใช้สารเคมีหรือวิธีการทางชีวภาพในการกำจัดโรคและแมลงเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสม

การเก็บเกี่ยว

หญ้ามาเลเซียสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุ 30-45 วัน โดยเกษตรกรสามารถใช้เคียวหรือเครื่องตัดหญ้าเพื่อตัดหญ้า เมื่อตัดหญ้าแล้ว ให้ตากแดดให้แห้งสนิทก่อนนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์