สิวผดกวนใจ มีวิธีรักษาแบบไหนบ้าง
สิวผด (Milia) เป็นสิวชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา แก้ม และหน้าผาก สิวผดมักไม่มีอาการคันหรือเจ็บปวด แต่สามารถทำให้เกิดความระคายเคืองได้
สาเหตุของสิวผด
โดยทั่วไปแล้ว สิวผดเกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่สามารถหลุดออกไปจากผิวหนังได้ตามปกติ ทำให้เซลล์ผิวหนังเหล่านี้จับตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ ที่มองเห็นได้จากภายนอก เป็นภาวะที่เกิดจากการสร้างไขมันอุดตันบริเวณต่อมไขมัน สาเหตุส่วนมากของการเกิดสิวชนิดนี้คือความชื้นที่สูงเกินไป ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและส่งผลให้การทำงานของต่อมไขมันไม่สามารถละลายไขมันได้ตามปกติ
วิธีรักษาสิวผด
สำหรับการรักษาสิวผด มีหลายวิธี ดังนี้
- ใช้ยาเฉพาะที่ แพทย์อาจสั่งยาทาเฉพาะที่สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ ยาทั่วไปที่ใช้ ได้แก่ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide), เรตินอยด์ (Retinoids) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid)
- เลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์บางชนิดสามารถใช้กำจัดสิวผดได้ด้วยการจี้เลเซอร์ลงไปบนสิวเพื่อให้เกิดความร้อนและเผาไหม้เซลล์ที่อุดตันรูขุมขน โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที และอาจจำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
- การทำทรีตเมนต์อื่นๆ แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอาจแนะนำการรักษาอื่นๆ เช่น การผลัดเซลล์ผิวหรือการใช้ไมโครเดอร์มาเบรชั่น ซึ่งสามารถช่วยขจัดสิวผดได้เช่นกัน
การป้องกันสิวผด
มีวิธีป้องกันสิวผดได้หลายวิธี ดังนี้
- ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นวันละ 2 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการถูหรือขัดผิวหน้าแรงๆ
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและไม่ระคายเคืองต่อผิว
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน เช่น ลาโนลิน (Lanolin), น้ำมันแร่ (Mineral oil) และพาราเบน (Parabens)
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
- ทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพราะอาจทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวหน้าได้
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเครื่องสำอาง เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้เกิดสิวผดได้