ผักขี้หูดคืออะไร?

ผักขี้หูด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Portulaca oleracea L.) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Portulacaceae มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันกระจายพันธุ์ไปทั่วโลก พบได้ตามพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ทุ่งหญ้า และสวนผัก ผักขี้หูดมีใบสีเขียวอวบน้ำ ลำต้นสีแดงหรือสีม่วง ดอกสีเหลืองหรือสีขาว ผลเป็นแคปซูลรูปไข่

ประโยชน์และสรรพคุณของผักขี้หูด

ผักขี้หูดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน A วิตามิน C วิตามิน B1 วิตามิน B2 แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

  • ช่วยบำรุงสายตา สารต้านอนุมูลอิสระในผักขี้หูด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามิน C ในผักขี้หูดมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่
  • ช่วยลดความดันโลหิต โพแทสเซียมในผักขี้หูดมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยลดไขมันในเลือด สารสกัดจากผักขี้หูดมีฤทธิ์ในการลดไขมัน LDL (ไขมันเลว) และเพิ่มไขมัน HDL (ไขมันดี) จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในผักขี้หูดมีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ผักขี้หูดมีดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในการรับประทาน โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
  • ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด ผักขี้หูดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงมีส่วนช่วยในการรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้

วิธีรับประทานผักขี้หูด

ผักขี้หูดสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบปรุงสุก ผักขี้หูดแบบสดสามารถนำมาผสมในสลัด ผัดผัก ซุป หรือแกงจืด ส่วนผักขี้หูดแบบปรุงสุกสามารถนำมาต้ม แกง ยำ หรือทอดได้

ข้อควรระวังในการรับประทานผักขี้หูด

ผักขี้หูดเป็นพืชที่สามารถสะสมสารพิษจากดินและน้ำได้ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อผักขี้หูดจากแหล่งที่ปลอดภัย และควรล้างผักขี้หูดให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน นอกจากนี้ ผู้ที่มีโรคไตควรจำกัดการรับประทานผักขี้หูด เนื่องจากผักขี้หูดมีปริมาณออกซาเลตสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดนิ่วในไตได้