ชมพูภูคา ไม้ดอกหายากบนดอยภูคา
ชมพูภูคา หรือที่รู้จักกันในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhododendron simsii Planch. เป็นไม้ดอกหายากที่อยู่ในวงศ์เดียวกับกุหลาบ (Ericaceae) โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าดิบเขาสูงของเทือกเขาดอยภูคา จังหวัดน่าน และไม่ได้มีการพบในที่อื่นๆ โดยเป็นไม้ดอกที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่นิยมในการปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับ
ชมพูภูคาเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 10 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีน้ำตาลอมแดง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบหรือเป็นจักเล็กน้อย มีสีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ มีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกมีสีชมพูหรือขาว มีลักษณะเป็นรูปแตร ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากมีการตัดไม้ทำลายป่าและการเก็บดอกไปจำหน่าย ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่ลดลงเป็นอย่างมาก จึงมีการอนุรักษ์โดยการปลูกในสวนพฤกษศาสตร์และส่งเสริมการปลูกเลี้ยงในพื้นที่ชุมชนเพื่อป้องกันการสูญพันธุ์
ลักษณะพิเศษของชมพูภูคา
- ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกหายากที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
- มีถิ่นกำเนิดเฉพาะในป่าดิบเขาสูงของเทือกเขาดอยภูคา จังหวัดน่าน
- ออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
- ดอกมีสีชมพูหรือขาว มีลักษณะเป็นรูปแตร ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
- ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่ใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากมีการตัดไม้ทำลายป่าและการเก็บดอกไปจำหน่าย
การปลูกและดูแลรักษาชมพูภูคา
ชมพูภูคาสามารถปลูกได้ในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ต้องการแสงแดดรำไรถึงแสงแดดจัด แต่ไม่ควรให้โดนแดดแรงๆ โดยตรง เพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้ ต้องการน้ำในปริมาณมาก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อช่วยบำรุงต้นและดอกให้สวยงาม
ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่สวยงามและมีคุณค่า โดยเป็นไม้ดอกหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ จึงควรมีการอนุรักษ์และส่งเสริมการปลูกเลี้ยง เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์และยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับพรรณไม้อีกด้วย