กล้วยเล็บมือนาง
กล้วยเล็บมือนาง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Musa acuminata × balbisiana) เป็นกล้วยลูกผสมระหว่างกล้วยตานีและกล้วยน้ำว้า มีลำต้นขนาดกลาง ลำต้นสีเขียวหรือม่วงเข้ม ปลีสีแดงหรือม่วง ออกดอกเป็นผลัด ผลมีลักษณะโค้งงอคล้ายเล็บมือของนาง มีสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม เปลือกบาง เนื้อสีขาวนวล รสชาติหวาน หอม อร่อย กล้วยเล็บมือนางเป็นกล้วยที่มีประโยชน์มากมายทั้งในด้านอาหารและสมุนไพร
ประโยชน์ของกล้วยเล็บมือนาง
- ใช้เป็นอาหารได้ทั้งผลดิบและสุก ผลดิบใช้ทำแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ยำ แกงส้ม ผัดเผ็ด ผัดเครื่องแกง ฯลฯ ผลสุกใช้กินสด ทำขนมหวาน เช่น กล้วยบวชชี กล้วยเชื่อม กล้วยตาก กล้วยฉาบ ฯลฯ
- ใช้เป็นยาสมุนไพรได้หลากหลาย เช่น ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ฯลฯ
- ใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ โดยเฉพาะลิง ชะนี ลิงลม ลิงอุรัง ลิงชิมแปนซี ฯลฯ ชอบกินกล้วยเล็บมือนางมาก
- ใช้เป็นไม้ประดับได้ เพราะกล้วยเล็บมือนางมีสีสันสวยงามและแตกหน่อได้เร็ว จึงนิยมปลูกไว้ตามบ้านเรือน สำนักงาน โรงเรียน และวัดวาอาราม
การปลูกกล้วยเล็บมือนาง
- การเลือกพันธุ์ ควรเลือกพันธุ์กล้วยเล็บมือนางที่ปลอดโรค มีลักษณะดี ได้ผลดก เช่น กล้วยเล็บมือนางเพชร กล้วยเล็บมือนางทอง กล้วยเล็บมือนางสีประหลาด กล้วยเล็บมือนางจักรพรรดิ กล้วยเล็บมือนางราชินี กล้วยเล็บมือนางทับทิมสยาม ฯลฯ
- การเตรียมดิน ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เมตร ห่างกันประมาณ 2-3 เมตร
- การปลูก ควรปลูกลูกกล้วยในช่วงฤดูฝน โดยขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของเหง้ากล้วยเล็กน้อย วางเหง้ากล้วยลงในหลุมปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
- การดูแลรักษา ควรให้น้ำกล้วยอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ทุกๆ 3-4 เดือน ควรตัดแต่งใบกล้วยที่แห้งหรือเป็นโรคออกทิ้ง ควรป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูกล้วยอย่างสม่ำเสมอ