เสาวรส/กะทกรกฝรั่ง ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกเสาวรส

เสาวรส คืออะไร

เสาวรส หรือ Passion fruit เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เสาวรสมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สดชื่น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ผลมีลักษณะกลมหรือรูปไข่ เปลือกผลเรียบเป็นมัน มีสีเขียว สีม่วง หรือสีเหลือง แล้วแต่สายพันธุ์ เนื้อผลมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีสีดำหรือสีน้ำตาล เมล็ดของเสาวรสสามารถรับประทานได้ โดยให้รสสัมผัสกรุบๆ เมื่อเคี้ยว

เสาวรสเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ

ประโยชน์และสรรพคุณของเสาวรส

เสาวรสมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย ได้แก่

  1. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง: เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งล้วนเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
  2. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง: เสาวรสมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
  3. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ: เสาวรสมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยในเรื่องการควบคุมความดันโลหิต อีกทั้งเสาวรสยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ
  4. ช่วยในการย่อยอาหาร: เสาวรสมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยในการเคลื่อนไหวของลำไส้
  5. ช่วยในการนอนหลับ: เสาวรสมีสารที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน จึงสามารถช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

การปลูกเสาวรส

เสาวรสนับว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย ผู้ปลูกสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกประเภท หรือจะปลูกในกระถางตั้งไว้บนดานฟ้าก็ได้ หากเป็นการปลูกเพื่อการค้า เกษตกรมักจะเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด ดินมีการระบายน้ำได้ดี ไม่มีความเป็นกรด-ด่างสูงเกินไป และมีเนื้อดินค่อนข้างร่วนซุย โดยวิธีการก็ปลูกไม่ต่างจากการปลูกเมล็ดพืชอื่นๆ ทั่วไป ปักชำ หรือตอนกิ่งก็แล้วแต่ความถนัด

การดูแลเสาวรสก็ง่ายแสนง่าย โดยเกษตรกรจะให้น้ำเสาวรสทุกๆ 3 วัน ครั้งละ 20-30 นาที ส่วนปุ๋ยจะให้เดือนละ 1 ครั้ง โดยใช้สูตร 15-15-15 ฉีดพ่นสารอาหารทางใบเดือนละ 1 ครั้ง ควบคู่ไปกับการกำจัดวัชพืชและกำจัดโรค-แมลงศัตรูพืช ควบคู่กันไป สัก 6-8 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวและนำไปขายสร้างรายได้เสริมหรือนำไปบริโภคก็ได้