กระดังงา/การเวก
กระดังงา (ylang-ylang) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “การเวก” เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งดอกไม้” เนื่องจากมีความงดงามและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์
ดอกกระดังงามีกลีบดอกซ้อนทับกันหลายชั้น มีสีเหลืองอ่อน ปลายกลีบมีสีแดงเข้ม กลิ่นของดอกสามารถกระจายไปได้ไกล กลิ่นกระดังงาเป็นกลิ่นที่หอมหวาน เย็น สดชื่น สามารถใช้ในการผ่อนคลายความเครียดและบำบัดอาการนอนไม่หลับ
นอกจากความสวยงามแล้ว กระดังงายังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยาต่างๆ เช่น
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- ช่วยลดความดันโลหิต
- บรรเทาอาการปวดหัว
- บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
- แก้ท้องเสีย
- แก้อาการท้องอืด แน่นท้อง
- แก้อาการอาเจียน
- แก้ระดูขาว
กระดังงา สามารถรับประทานได้หลายส่วน ทั้งดอก ใบ และเมล็ด โดยอาหารที่นิยมได้แก่:
- ดอกกระดังงาสามารถนำมาลอยในน้ำ และนำน้ำนั้นมาดื่มเป็นยา
- ยำใบกระดังงา โดยนำใบกระดังงามาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ เช่น น้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนู ฯลฯ
- นำเมล็ดกระดังงามาคั่ว และรับประทานเป็นเครื่องเทศ
วิธีปลูกกระดังงา
กระดังงาเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น จึงเหมาะสำหรับการปลูกในประเทศไทย มีขั้นตอนในการปลูกดังนี้
- เตรียมดิน โดยไถพรวนดินให้ละเอียด
- ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม.
- ผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 1:1
- นำกล้าพันธุ์กระดังงาลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้
- กดดินรอบโคนต้นให้แน่น และรดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
หลังจากปลูกกระดังงาแล้ว ควรหมั่นรดน้ำให้ชุ่มเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 2-3 เดือน และกำจัดวัชพืชรอบโคนต้นเป็นประจำ