1. วิตามินเอ: มีบทบาทสำคัญต่อการมองเห็น ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตาฟางและโรคตาบอดกลางคืน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาผิวหนังให้ชุ่มชื้น แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น

  2. วิตามินบี: เป็นกลุ่มวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางระบบประสาทต่างๆ เช่น โรคเหน็บชา ปลายประสาทอักเสบ และโรคเพลียเรื้อรัง

  3. วิตามินซี: เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้ดีขึ้น และยังช่วยในการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์ผิวหนัง กระดูก และกระดูกอ่อน

  4. วิตามินดี: มีบทบาทในการควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้กระดูกบางและเปราะได้ง่าย

  5. วิตามินอี: เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย เช่น การเผาผลาญอาหารและการสูดดมควันบุหรี่ การได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดบางชนิด รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด

  6. วิตามินเค: เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เลือดแข็งตัว นอกจากนี้ยังช่วยสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย การได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเลือดออกง่าย ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก