เพกา/ลิ้นฟ้า สรรพคุณ และการปลูกเพกา
เพกา เป็นไม้ผลพื้นเมืองของไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sandoricum koetjape Merr. จัดอยู่ในวงศ์ Meliaceae ลักษณะของต้นเพกาเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเป็นทรงกระบอก เปลือกต้นสีน้ำตาลอมดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับเป็นคู่ๆ ดอกเป็นช่อแยกแขนง ก้านดอกยาว สีขาวหรือเหลืองอ่อน ผลเป็นผลเดี่ยว ออกเป็นกลุ่มตามกิ่งก้าน ก้านผลยาว ผลกลมรีหรือรูปไข่ เปลือกผลบาง สีเขียวอมเหลือง เนื้อผลสีขาวขุ่น เมล็ดมี 1-2 เมล็ด
สรรพคุณของเพกา
- ผลเพกา มีรสเปรี้ยวหวาน ช่วยดับกระหาย แก้กระหายน้ำ
- ผลเพกาอ่อน มีรสเปรี้ยว ใช้ทำเป็นเครื่องปรุงอาหาร เช่น ผัดเปรี้ยวหวาน แกงเลียง แกงคั่ว แกงส้ม เป็นต้น
- ใบเพกา มีฤทธิ์ฝาดสมาน แก้ท้องเสีย ท้องร่วง แก้บิด
- รากเพกา มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอ
- เปลือกเพกา มีฤทธิ์ฝาดสมาน แก้ท้องร่วง แก้บิด ขับพยาธิ
การปลูกเพกา
เพกาสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่ชอบดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี แสงแดดจัด น้ำเพียงพอ ในการปลูกเพกา ควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดี มีลักษณะแข็งแรง ปลอดโรค ขณะเดียวกันก็ควรเตรียมดินโดยการไถพรวนดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน จากนั้นจึงขุดหลุมปลูก กว้างและลึกประมาณ 50 เซ็นติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมปลูกประมาณ 4-6 เมตร เมื่อปลูกเสร็จควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นประจำทุกๆ 3-4 เดือน
เพกาเป็นไม้ผลที่ดูแลง่าย ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวนมากนัก แต่ควรระวังโรคราแป้ง และโรคราเม็ด เนื่องจากโรคเหล่านี้สามารถทำให้ใบและผลเพกาเสียหายได้
เพกาเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตคุ้มค่า โดยสามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 3-4 ปีหลังจากปลูก ในช่วงแรกของการเก็บเกี่ยว ผลเพกาจะมีรสเปรี้ยวมากกว่าหวาน แต่เมื่อเก็บผลผลิตไปนานๆ รสชาติของผลเพกาจะหวานขึ้นเรื่อยๆ