หญ้ากินนีสีม่วง

หญ้ากินนีสีม่วง (Panicum maximum Jacq. var. trichoglume Eyles) เป็นพันธุ์หญ้ากินีที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1960 โดยศูนย์วิจัยการเกษตรระหว่างประเทศในพื้นที่แห้งแล้ง (International Crops Research Institute for the Semi-Arid Tropics, ICRISAT) ในประเทศอินเดีย โดยประโยชน์หลักคือเป็นพืชอาหารสัตว์ที่ปลูกง่าย โตเร็ว และมีโปรตีนสูง หญ้ากินนีสีม่วงจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

ประโยชน์ของหญ้ากินนีสีม่วง

1. เป็นพืชอาหารสัตว์คุณภาพดี
หญ้ากินนีสีม่วงมีโปรตีนสูง 10-15% แห้ง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โตเร็ว ให้ผลผลิตสูง และย่อยง่าย จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นอาหารสัตว์ โดยเฉพาะวัวและแพะ

2. ทนแล้งและทนต่อโรคได้ดี
หญ้ากินนีสีม่วงเป็นหญ้าที่ทนต่อสภาพอากาศแล้งได้ดี โดยสามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนต่ำเพียง 400-500 มิลลิเมตรต่อปี นอกจากนี้ยังทนต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการดูแลรักษา

3. ช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน
หญ้ากินนีสีม่วงมีระบบรากที่ลึกและแข็งแรง ช่วยยึดเกาะหน้าดินและป้องกันการพังทลายของดิน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดินและปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้น

4. สามารถใช้เป็นวัสดุคลุมดิน
หญ้ากินนีสีม่วงสามารถใช้เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากการระเหยและช่วยควบคุมวัชพืช

การปลูกหญ้ากินนีสีม่วง

1. การเตรียมดิน
ไถดินให้ลึก 20-30 เซนติเมตร ตากดินให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วไถพรวนดินอีกครั้งหนึ่ง

2. การปลูก
หญ้ากินนีสีม่วงสามารถปลูกได้ทั้งโดยการหว่านหรือโดยการปักชำ โดยการหว่านให้ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านให้ทั่วแปลงปลูกแล้วกลบด้วยดินบางๆ ส่วนการปักชำให้ใช้ลำต้นหรือเหง้าของหญ้ากินนีสีม่วงปักลงในดิน โดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร

3. การดูแลรักษา
หลังจากปลูกหญ้ากินนีสีม่วงแล้ว ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ ทุกๆ 4-6 เดือน

4. การเก็บเกี่ยว
หญ้ากินนีสีม่วงสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 60-75 วัน โดยตัดหญ้าเหนือพื้นดินประมาณ 10-15 เซนติเมตร แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิทก่อนเก็บเข้ายุ้งฉาง