สิวอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่รูขุมขน โดยเฉพาะเชื้อ Propionibacterium acnes ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และเจ็บปวด สิวประเภทนี้มักพบในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป จนเกิดการอุดตันในรูขุมขน หากคุณมีสิวอักเสบ ควรดูแลดังนี้

  • ล้างหน้าอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ: ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่แรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: เนื่องจากมืออาจมีแบคทีเรียและสิ่งสกปรก หากสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อสิวได้

  • ใช้ยาแต้มสิวที่เหมาะสม: หากคุณมีสิวอักเสบเพียงเล็กน้อย คุณสามารถใช้ยาแต้มสิวที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา อย่างไรก็ตาม หากมีสิวอักเสบหลายเม็ดหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับยาที่เหมาะสม

  • ป้องกันรอยดำและรอยแผลเป็น: เมื่อมีสิวอักเสบ คุณควรหลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หากมีสิวอักเสบที่รุนแรง ควรรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังเพื่อป้องกันรอยดำและรอยแผลเป็น

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน รวมถึงดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวพรรณสดใสและลดการเกิดสิว

  • นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยลดความเครียดและช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวได้

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความเครียดและช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกทางเหงื่อได้ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวได้

  • หลีกเลี่ยงความเครียด: ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้น หากคุณมีสิวอักเสบ คุณควรหลีกเลี่ยงความเครียดและหาทางผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการฟังเพลง