ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยา เป็นที่นิยมปลูกไว้ในบ้านและสวน มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา แต่ปัจจุบันกระจายพันธุ์ไปทั่วโลก ว่านหางจระเข้มีลำต้นสูงใหญ่ ใบยาวแหลมและมีขอบหยัก ใบมีสีเขียวเข้มและมีจุดสีขาวเล็กๆ ทั่วใบ โดยทั่วไปว่านหางจระเข้จะมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีความยาวใบประมาณ 30-60 เซนติเมตร

สรรพคุณของว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ได้แก่

  • รักษาแผลและผิวหนังอักเสบ: ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยสมานแผล จึงนิยมนำมาใช้ในการรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลฟกช้ำ แผลจากมีดบาด แผลผ่าตัด รวมถึงโรคผิวหนังอักเสบต่างๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคซิฟิลิส โรคหิด โรคเรื้อนกวาง โรคกลาก โรคเกลื้อน เป็นต้น
  • รักษาอาการแพ้และผิวหนังไหม้แดด: ว่านหางจระเข้สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้และผิวหนังไหม้แดดได้ โดยช่วยลดการอักเสบและอาการแดงแสบ
  • รักษาอาการท้องผูกและระบบย่อยอาหาร: ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ จึงนิยมนำมาใช้ในการรักษาอาการท้องผูก ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคกระเพาะและลำไส้ และปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหาร
  • รักษาโรคเบาหวาน: ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงนิยมนำมาใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
  • รักษาโรคความดันโลหิตสูง: ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูง โดยช่วยขยายหลอดเลือดและลดการตีบแคบของหลอดเลือด

การปลูกว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ปลูกและดูแลได้ง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและในแปลง ปลูกได้ในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ต้องการแสงแดดโดยตรงแต่สามารถปลูกในที่ร่มรำไรได้ ถ้าปลูกในร่มต้องนำออกรับแดดบ้าง ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อหรือปักชำ และรดน้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

การดูแลรักษาว่านหางจระเข้

  • การให้น้ำ: ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาพดิน หากดินแห้งเร็วควรเพิ่มความถี่ในการรดน้ำ
  • การใส่ปุ๋ย: ว่านหางจระเข้ไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก แต่สามารถใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อช่วยบำรุงต้น แต่อย่าใส่ปุ๋ยบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้ต้นโทรม
  • การกำจัดวัชพืช: ควรหมั่นกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นว่านหางจระเข้ เพื่อป้องกันการแย่งน้ำและแย่งธาตุอาหาร
  • การป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช: ว่านหางจระเข้สามารถเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น โรครากเน่า โรคใบจุด โรคใบไหม้ แมลงหวี่ขาว เพลี้ยแป้ง และหนอนด้วง ควรหมั่นตรวจสอบและกำจัดหากพบโรคหรือแมลงศัตรูพืช