ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นพืชล้มลุกอวบน้ำที่เพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทางยาหรือใช้ประโยชน์ได้มากมายทั้งในการแพทย์ และความงาม

สรรพคุณของว่านหางจระเข้

  • บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง: ใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณผิวหนังที่อักเสบ โดยสรรพคุณหลักคือ ให้ความชุ่มชื่น ลดการอักเสบ และช่วยสมานแผล

  • ช่วยสมานแผล: ว่านหางจระเข้ช่วยสมานแผลและลดอาการปวด โดยสารในว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยในการต้านแบคทีเรีย จึงทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อบริเวณแผล

  • บรรเทาอาการแสบร้อนจากแดด: ว่านหางจระเข้ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนจากแดด ด้วยخاصของสารอะโลอินที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นและลดการอักเสบ

  • บำรุงผิว: ว่านหางจระเข้ช่วยชุ่มชื่นและทำให้ผิวอ่อนนุ่ม และเมื่อทาว่านหางจระเข้ในบริเวณที่มีสิว จะช่วยลดความรุนแรงของสิว และยังลดรอยแผลเป็นจากสิว

  • บำรุงเส้นผม: ว่านหางจระเข้ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยคุณสมบัติให้ความชุ่มชื่นและสารต้านอนุมูลอิสระในว่านหางจระเข้ช่วยให้หนังศีรษะและร่องรากผมมีสุขภาพดีขึ้น

  • เป็นยาระบายที่อ่อนโยน: น้ำว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง อีกทั้งลดอาการระคายเคืองหรืออาการบางชนิดสำหรับผู้ที่รับประทานในระยะสั้น

การปลูกว่านหางจระเข้

  1. เตรียมดิน: ดินที่เหมาะแก่การปลูกว่านหางจระเข้ ควรระบายน้ำได้ดี และมีสารอินทรีย์สูง เช่น ดินร่วนผสมทรายและปุ๋ยหมัก

  2. ปลูก: ปักหน่อหรือต้นอ่อนของว่านหางจระเข้ลงในดินในแนวตั้ง ไม่ควรปลูกลึกเกินไปหรือให้ต้นกลบอยู่ในดินเยอะจนเกินไป

  3. การดูแลรักษา:

    • แสงแดด: ต้องการแสงแดดจัด
    • น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรแฉะเกินไป
    • ปุ๋ย: ไม่ควรบำรุงด้วยปุ๋ยมากเกินไป โดยใส่ปุ๋ยในปริมาณเล็กน้อย 1-2 ครั้งต่อปีก็เพียงพอ