ร้อยไหม กับ ฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีการรักษาเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมที่แตกต่างกัน

โดยทั่วไปแล้ว ร้อยไหมเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เป็นริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ และต้องการยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น ส่วนฉีดโบท็อกซ์เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา ฐานจมูก ร่องแก้ม เป็นต้น นอกจากนี้ ฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถใช้เพื่อลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้าได้อีกด้วย

ข้อดีของร้อยไหม

  • ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เเละไม่ต้องใช้มีดในการผ่าตัด
  • ใช้เวลาในการรักษาสั้น
  • ฟื้นตัวเร็ว โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผลการรักษาอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เป็นริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ และต้องการยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น

ข้อเสียของร้อยไหม

  • อาจเกิดอาการแสบตึงหรือระคายเคืองบริเวณที่ร้อยไหม
  • อาจเกิดอาการบวมช้ำได้
  • อาจเกิดการติดเชื้อได้
  • อาจมีรอยเข็มหลังการร้อยไหม
  • มีข้อจำกัดในการใช้งาน ไม่สามารถใช้กับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ริมฝีปาก หรือบริเวณใต้ตา

ข้อดีของฉีดโบท็อกซ์

  • ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และใช้เวลาในการรักษาสั้น
  • ผลการรักษาอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า
  • สามารถใช้เพื่อลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้าได้อีกด้วย

ข้อเสียของฉีดโบท็อกซ์

  • อาจเกิดอาการช้ำหรือบวมที่บริเวณที่ฉีด
  • อาจเกิดอาการปวดหัว เวียนหัว หรือคลื่นไส้ได้
  • อาจเกิดอาการตาตกหรือมุมปากตกได้หากฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
  • มีข้อจำกัดในการใช้งาน ไม่สามารถใช้กับผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร