1. การใช้สารเคมีช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก กรดซาลิไซลิก กรดแลคติก สารเหล่านี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเก่าๆ ที่ตายแล้วออกไป เผยให้เห็นผิวใหม่ที่เรียบเนียนขึ้น ลดรอยหลุมสิวได้

  2. การใช้เรตินอยด์ เรตินอยด์เป็นยาที่ได้มาจากวิตามินเอ ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและช่วยลดรอยหลุมสิวได้

  3. การฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์เป็นสารที่ฉีดเข้าไปในบริเวณผิวที่เป็นหลุมสิวเพื่อช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มี 2 ชนิด คือ ฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราวและฟิลเลอร์ชนิดถาวร ฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราวจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ส่วนฟิลเลอร์ชนิดถาวรจะมีอายุการใช้งานหลายปี

  4. การใช้เลเซอร์ การใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวสามารถทำได้หลายวิธี เช่น เลเซอร์แบบพัลส์ หรือแบบ Fractional Laser วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดหลุมสิวได้

  5. การทำ Dermabrasion Dermabrasion เป็นการรักษาหลุมสิวโดยใช้เครื่องมือขัดผิวชั้นนอกออก วิธีนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวใหม่ที่มีสุขภาพดีกว่าขึ้นมาแทนที่ ลดหลุมสิวและรอยแผลเป็นได้

  6. การทำ Microdermabrasion Microdermabrasion เป็นการรักษาหลุมสิวโดยใช้เครื่องมือขัดผิวชั้นบนออกอย่างอ่อนโยน วิธีนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเก่าๆ ออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและลดหลุมสิวได้

  7. การผ่าตัด การผ่าตัดรักษาหลุมสิวโดยทั่วไปจะใช้ในกรณีที่หลุมสิวลึกและกว้าง การผ่าตัดจะทำโดยการตัดขอบหลุมสิวออกแล้วเย็บปิดแผล วิธีนี้จะช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นและลดการสะสมของสิ่งสกปรก