พลู

พลู เป็นพืชที่รู้จักกันดีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ทั่วไปในป่าดิบชื้นและป่าละเมาะ

ใบพลู

ใบพลูมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร กว้าง 5-10 เซนติเมตร ขอบใบหยักมนหรือหยักเป็นซี่ฟัน ก้านใบยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ใบพลูมีกลิ่นหอมฉุน รสเผ็ดเล็กน้อย

ประโยชน์ของพลู

พลูมีประโยชน์มากมายดังนี้

  • ใช้เป็นเครื่องเทศในอาหาร เช่น แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน และผัดเผ็ด ใบพลูช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสเผ็ดให้กับอาหาร
  • ใช้ทำน้ำหมากพลู โดยนำใบพลูมาเคี้ยวกับหมากและปูนขาว น้ำหมากพลูมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ช่วยให้ตื่นตัวและคลายเครียด
  • ใช้เป็นยาสมุนไพร ใบพลูมีสรรพคุณในการแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย และขับลม
  • ใช้เป็นยาพอกแผล ใบพลูมีสรรพคุณในการสมานแผลและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถนำมาพอกแผลเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

สรรพคุณของพลู

พลูมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายดังนี้

  • แก้ร้อนใน กระหายน้ำ โดยนำใบพลูมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม
  • แก้เจ็บคอ โดยนำใบพลูมาเคี้ยวหรือใช้ใบพลูคั้นน้ำมาจิบ
  • แก้ท้องเสีย ท้องร่วง โดยนำใบพลูมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม
  • แก้ปวดท้อง โดยนำใบพลูมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม
  • แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยนำใบพลูมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม
  • แก้ลมจุกเสียด โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณหน้าท้อง
  • แก้แผลในกระเพาะอาหาร โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณหน้าท้อง
  • เป็นยาขับลม โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณหน้าท้อง
  • แก้ปวดศีรษะ โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณหน้าผาก
  • เป็นยาห้ามเลือด โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณแผล
  • แก้สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยนำใบพลูมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็น

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรรับประทานพลูมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการมึนเมา คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย
  • ไม่ควรรับประทานพลูในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทารก
  • ไม่ควรรับประทานพลูร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาเสพติด เพราะอาจเกิดอันตรายได้