ผักชีฝรั่ง สรรพคุณ และการปลูกผักชีฝรั่ง
ผักชีฝรั่งเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ปรุงอาหารหลากหลายชนิด เนื่องจากมีทั้งรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงยังมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายอีกด้วย
ผักชีฝรั่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coriandrum sativum L. อยู่ในวงศ์ Apiaceae มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และแอฟริกาเหนือ แต่ปัจจุบันได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วโลก
สรรพคุณของผักชีฝรั่ง
ผักชีฝรั่งมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ได้แก่
- บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม
- ช่วยย่อยอาหาร
- ลดอาการคลื่นไส้ และอาเจียน
- แก้โรคบิด
- ช่วยขับเหงื่อ
- แก้ไข้
- แก้ไอ
- ลดเสมหะ
- ขับปัสสาวะ
- บำรุงร่างกาย
- บำรุงโลหิต
- บำรุงผิวพรรณ
- แก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- แก้โรคเกาต์
- แก้โรครูมาติซั่ม
- ช่วยลดความดันโลหิต
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
- ช่วยชะลอวัย
- ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
การปลูกผักชีฝรั่ง
ผักชีฝรั่งสามารถปลูกได้ง่ายในดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ควรปลูกในบริเวณที่มีแดดรำไรหรือแดดจัด โดยมีวิธีการปลูกดังนี้
- เตรียมดินก่อนปลูกโดยไถพรวนดินให้ละเอียด และกำจัดวัชพืชออกให้หมด
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร จากนั้นก็เกลี่ยให้ทั่ว
- ทำแปลงปลูกโดยยกร่องให้มีขนาดความกว้าง 80-100 เซนติเมตร และสูง 20-30 เซนติเมตร
- หว่านเมล็ดผักชีฝรั่งให้ทั่วแปลงปลูก จากนั้นจึงใช้ดินกลบให้บางๆ
- รดน้ำให้ทั่วแปลงปลูก แล้วคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งเพื่อรักษาความชื้นในดิน
- เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกแล้วให้ถอนต้นกล้าที่แน่นเกินไปออก เพื่อให้เหลือระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร
- ให้ปุ๋ยเสริมทุก 15-20 วัน โดยใช้ปุ๋ย NPK 15-15-15 ในอัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่
- รดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงที่ต้นกล้ากำลังงอก และช่วงที่ออกดอก
- เมื่อต้นผักชีฝรั่งเริ่มออกดอกควรเด็ดดอกออกเพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
- สามารถเก็บเกี่ยวผักชีฝรั่งได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 60-70 วัน โดยเก็บเกี่ยวโดยการตัดส่วนยอดของต้นที่ค่อนไปทางโคน
ผักชีฝรั่งเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย อีกทั้งยังปลูกได้ง่าย สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด จึงเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับการปลูกไว้รับประทานเองในครัวเรือน