ปวยเล้ง/ปวยเหล็ง (spinach)

ปวยเล้งหรือปวยเหล็ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amaranthus tricolor L. จัดเป็นพืชใบเขียวที่คนไทยคุ้นเคย และนิยมรับประทานกันเป็นผักสด ผัด จนกระทั่งมีการแปรรูปเป็นผักแช่แข็งขายตามท้องตลาด ลักษณะเด่นของปวยเล้งก็คือมีใบเขียวจัด ก้านใบสีแดง ลำต้นตั้งตรง แสดงถึงความสดสะอาดปลอดภัย มีสารอาหารสูง ซึ่งมีทั้งวิตามิน ไขมัน โปรตีน และเกลือแร่ ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แก้โรคต่าง ๆ และยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย แค่มีพื้นที่ว่างบริเวณบ้านก็สามารถปลูกไว้รับประทานเองได้ตลอดทั้งปี

สรรพคุณของปวยเล้ง

  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากในปวยเล้งนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้
  • บำรุงสายตา เพราะในปวยเล้งอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและสารลูทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยป้องกันดวงตา ชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยให้มองเห็นได้ดีในเวลากลางคืน
  • เสริมสร้างภูมิต้านทาน ปวยเล้งมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
  • บรรเทาอาการภูมิแพ้ ในปวยเล้งมีสาร Quercetin ที่มีฤทธิ์ต้านฮีสตามีน ช่วยบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ ได้
  • ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี เพราะในปวยเล้งมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แก้อาการท้องผูก
  • ช่วยลดน้ำหนัก เนื่องจากในปวยเล้งมีเส้นใยอาหารสูง อีกทั้งยังมีแคลอรีต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีงานวิจัยว่าการรับประทานปวยเล้งอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • บำรุงกระดูกและฟัน เพราะในปวยเล้งมีแคลเซียมสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

การปลูกปวยเล้ง

  1. เตรียมดิน ดินที่ใช้ปลูกปวยเล้งควรเป็นดินร่วนปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำได้ดี มีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.0-6.8
  2. เตรียมเมล็ดพันธุ์ ควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ปวยเล้งที่มีคุณภาพดี ไม่มีเชื้อโรคหรือแมลงศัตรูพืชปะปน โดยจะต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี
  3. เพาะเมล็ด โปรยเมล็ดพันธุ์ปวยลงในแปลงปลูก โดยเว้นระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 15 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นกลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  4. ดูแลรักษา รดน้ำให้สม่ำเสมอ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของปวยเล้งอยู่ที่ 20-25 องศาเซลเซียส ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 1 เดือน เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ควรหมั่นกำจัดวัชพืชออกเป็นประจำเพื่อป้องกันการแย่งอาหารและน้ำจากปวยเล้ง
  5. การเก็บเกี่ยว เมื่อปวยเล้งมีอายุประมาณ 30-40 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยวิธีการถอนทั้งต้นหรือตัดเฉพาะส่วนใบ แล้วนำไปล้างทำความสะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร