ข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์ (Barley) จัดอยู่ในธัญพืชตระกูลข้าวชนิดหนึ่งที่มีรวงคล้ายกับข้าวสาลี มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเอธิโอเปียในทวีปแอฟริกา ข้าวบาร์เลย์เป็นพืชชอบอากาศเย็น ผลโตช้า ใช้เวลาปลูกนาน มีลักษณะใบกลมกลวง ยาวและเรียวแหลม ลำต้นเป็นข้อปล้องกลวงสูงประมาณ 1 เมตร รวงเมล็ดยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เมล็ดมีขนาดเล็กและมองเห็นเปลือกชัดเจน ปัจจุบันมีการปลูกข้าวบาร์เลย์ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ได้แก่ พันธุ์ Winter Barley จะทนหนาวได้ดีกว่าชนิดอื่นและพันธุ์ Malting Barley ซึ่งมีการปลูกเพื่อผลิตมอลต์สำหรับการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สรรพคุณของข้าวบาร์เลย์

  • ช่วยลดน้ำหนัก: ข้าวบาร์เลย์มีเส้นใยอาหารจำนวนมาก เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหาร การบริโภคข้าวบาร์เลย์เป็นประจำสามารถช่วยลดน้ำหนักได้
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด: ข้าวบาร์เลย์มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Glycemic Index: GI) ซึ่งหมายความว่า เมื่อบริโภคข้าวบาร์เลย์จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นช้ากว่าการบริโภคอาหารอื่นที่ไม่มีเส้นใย การรับประทานข้าวบาร์เลย์เป็นประจำสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ : ข้าวบาร์เลย์มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของหัวใจ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียมและไฟเบอร์สูง ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพหัวใจ โดยช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้: ข้าวบาร์เลย์มีสาร lignans และ phytoestrogens ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ข้าวบาร์เลย์ยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ข้าวบาร์เลย์มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินซี วิตามินเอและสังกะสี การรับประทานข้าวบาร์เลย์เป็นประจำสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

การปลูกข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์เป็นพืชที่เจริญได้ดีในดินร่วนปนทราย, ดินร่วนปนโคลนและสามารถเจริญได้ดีในดินที่ความเป็นกรดเป็นด่าง ประมาณ 5.5 – 7.0 ซึ่งการปลูกข้าวบาร์เลย์สามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกันดังนี้

  1. การปลูกข้าวบาร์เลย์โดยการหว่านเมล็ดพันธุ์ : เกษตรกรจะทำการหว่านเมล็ดข้าวบาร์เลย์ลงในดินโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกษตรกรประหยัดงบประมาณในการลงทุนซื้อต้นกล้า แต่การปลูกข้าวบาร์เลย์ด้วยวิธีนี้จะทำให้การดูแลรักษาทำได้ยากกว่าการปลูกด้วยวิธีถัดไป
  2. การปลูกข้าวบาร์เลย์โดยวิธีการใช้ต้นกล้า : เกษตรกรจะทำการเพาะเมล็ดข้าวบาร์เลย์ให้กลายเป็นต้นกล้าในแปลงเพาะต้นกล้าก่อน หลังจากนั้นจึงนำต้นกล้าไปปลูกลงในนาข้าว การปลูกข้าวบาร์เลย์ด้วยวิธีนี้จะทำให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นข้าวบาร์เลย์ได้ง่ายกว่าการปลูกด้วยวิธีการหว่านเมล็ดข้าวบาร์เลย์โดยตรง