ข่า: สรรพคุณและวิธีปลูก
ข่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะตัว มักนิยมใช้ปรุงอาหารไทยเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้หวัด แก้ไอ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น
สรรพคุณของข่า
- แก้หวัด แก้คออักเสบ แก้ไอ: ข่ามีฤทธิ์ช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ บรรเทาอาการเจ็บคอ และช่วยลดอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ
- แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเสียดแน่นท้อง: ข่ามีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง และอาหารไม่ย่อย
- แก้ปวดบวม ฟกช้ำ แก้เคล็ดขัดยอก: ข่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดบวม ฟกช้ำ และช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอก
วิธีปลูกข่า
ข่าเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย มีการระบายน้ำที่ดี ต้องการแสงแดดจัดหรือแดดรำไร ขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้า
- การเตรียมดิน: ไถพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืชและปรับปรุงโครงสร้างของดิน ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การปลูก: นำเหง้าข่ามาตัดแบ่งเป็นท่อนๆ ละประมาณ 5-10 เซนติเมตร นำไปแช่ในน้ำส้มสายชูเจือจางประมาณ 5 นาที เพื่อป้องกันเชื้อรา จากนั้นนำเหง้าไปวางในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ กดดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
- การดูแลรักษา: หลังปลูกข่าแล้วควรให้น้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะเกินไป ใส่ปุ๋ยทุก 2-3 เดือน พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อกำจัดวัชพืชและให้อากาศถ่ายเท
- การเก็บเกี่ยว: ข่าสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่ออายุประมาณ 8-12 เดือน ให้สังเกตจากใบที่เริ่มเหี่ยวเฉา ให้ขุดเหง้าขึ้นมาจากดิน แล้วล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง
หมายเหตุ: ข่าเป็นพืชที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพอากาศ แต่ควรระวังโรคใบจุดซึ่งเกิดจากเชื้อรา ควรฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคศัตรูพืชเป็นประจำ